หากมีสิ่งของหลายๆสิ่งมาให้จัดหมวดหมู่กัน เราก็มักจะถนัดที่จะจัดเป็นสองหมวดหมู่ เช่น มีเหลี่ยม-กลม, สว่าง-มืด, สดใส-หดหู่, อ้วน-ผอม
ทำให้เวลาเราเจออะไร เราก็จะจัดหมวดโดยอัตโนมัติ
ยิ่งกว่านั้น เราก็นึกถึงคู่ตรงข้ามโดยอัตโนมัติเช่นกัน
เฉกเช่นกันกับความสำเร็จ
เวลาที่เราคิดว่า ยังไม่สำเร็จ ก็มักจะตัดสินไปแล้วว่า มันคือความล้มเหลว
ทั้งๆที่ จริงๆแล้ว โลกนี้ มันไม่ได้มีแค่สองอย่าง ไม่ต้องมีเป็นคู่เสมอไป
ไม่ได้มี แค่ สุข กับ ทุกข์
แต่ยังมี เฉยๆ อยู่อีกด้วย
ดังนั้น การที่ยังไม่สำเร็จ ก็ไม่ใช่ว่าจะล้มเหลว
แต่การจะคิดเช่นนี้ได้ เป็นการยาก
เพราะเราถูกหล่อหลอม ให้อยู่กับคู่ตรงข้าม มาตั้งแต่เด็ก
เราอยู่ในวัฒนธรรม ชี้ผิด ชี้ถูก
วัฒนธรรม บังคับให้เลือกข้าง จนคนตรงกลาง ไม่มีที่ยืน
ทำให้ถ้าเราเอาคำว่า สำเร็จ มาเป็นตัววัด
ก็ไม่แปลกเลย ที่ถ้าเราไม่สำเร็จ เราก็จะตีตราตัวเอง ว่า ล้มเหลว ไปโดยปริยาย
คำว่าล้มเหลว นี่ นอกจากเป็นการตัดสินตัวเองให้มองตัวเองด้อยค่าแล้ว
ยังเป็นเหมือนตะปูที่ติดยึดตัวเราไม่ให้ไปไหนต่อได้
ทั้งๆที่ ความเป็นจริง เราแต่ละคน
ล้วนแล้วเคยผ่าน ความสำเร็จ มาด้วยกันแล้วทั้งนั้น
แต่เรามัวแต่มองไปข้างหน้า มัวแต่คอยเปรียบเทียบกับคนโน้น คนนี้
จนเรามองไม่เห็น ความสำเร็จที่ผ่านมา
หลงลืม ความสำเร็จ เช่น การยืนได้ครั้งแรก การขี่จักรยาน การขับรถ การเขียน การอ่าน การอดใจทำสิ่งที่ผิดศึลธรรม ทุกอย่างล้วนเป็นความสำเร็จ ที่เป็นพื้นฐาน แห่งการเป็นตัวเรามาถึงทุกวันนี้
มาถึงตรงนี้แล้ว อยากชวนให้ทุกท่านลองหยิบกระดาษมาเขียน ความสำเร็จต่างๆ ในอดีต เริ่มตั้งแต่
ความสำเร็จที่เพิ่งผ่านมาในวันนี้ เช่น มาทำงานได้ตรงเวลา กินของที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ อยู่กับลมหายใจ
ความสำเร็จที่เพิ่งผ่านมาในสัปดาห์ก่อน
ความสำเร็จที่เพิ่งผ่านมาในอดีต เท่าที่เราพอนึกได้
ใช่ ไม่ใช่ อยู่ที่เราตัดสิน ตัดสินจากความรู้สึก
เราให้คนอื่นมาตัดสินเรามากเกินพอแล้ว
ถึงเวลาที่เราจะลุกขึ้นมาตัดสินความสำเร็จของเราด้วยตัวเราเองสักที
เขียน เขียน เขียน และ เขียน มันออกมา
แล้วช่วยเติมด้วยว่า แต่ละความสำเร็จที่เราเขียนออกมา ให้คุณค่ากับเรา หรือกับผู้อื่นได้อย่างไรบ้าง
เอาหล่ะ เมื่อคุณๆ เขียนออกมาได้ จะมาก จะน้อยเท่าไหร่ ไม่สำคัญ
แค่เขียนออกมาได้ ก็ถือว่า คุณประสบความสำเร็จแล้ว
ประสบความสำเร็จ ในการให้คุณค่า กับตัวของคุณเอง
เป็นไงบ้าง รู้สึกมั้ย ว่าเรา ก็เจ๋งเหมือนกัน ทีนี้ ไปกันต่อ
อยากให้ลองนึกดูว่าอะไรที่เราอยากเป็น แต่ยังเป็นไม่ได้ตามที่คิดไว้สักที
เช่น อยากเป็นคนที่มีสุขภาพดี อยากเป็นคนที่เล่นเปียโนได้ อยากเป็นคนที่สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ อยากเป็นพ่อแม่ที่ดี
จะอย่างเดียว หรือหลายอย่างก็ได้
แล้วลองเขียนมันออกมาว่า เราต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อเราจะได้เป็นสิ่งที่เราต้องการ
และที่สำคัญ เราต้องไม่ทำอย่างไรบ้างที่จะเป็นอุปสรรค ต่อสิ่งที่เราต้องการเป็นนั้น
จากนั้น คุณมีหน้าที่อ่าน อ่าน อ่าน มันทุกวัน หากวันไหนต้องการแต่งเติมสิ่งใดเข้าไป ก็สามารถทำได้
นอกจากอ่านแล้ว ต้องคอยสำรวจตนเองในแต่ละวัน
ว่าในแต่ละวันที่ผ่านไป เราได้ทำสิ่งใดที่ส่งเสริมในสิ่งที่เราต้องการจะเป็นไปบ้าง
ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อเจอเหตุการณ์ที่จะพาเราไปยังการกระทำ หรือสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อสิ่งที่เราต้องการเป็น
อยากให้คุณลองคิดให้ดีๆ ไม่ได้บอกว่าให้คุณเลี่ยงอุปสรรคนั้น แต่อยากให้คุณคิดว่ามันคุ้มแค่ไหนที่เราจะเอาเวลา และโอกาสที่เรามีอยู่จำกัดนี้ ไปแลกกับการเดินถอยหลัง หรือย่ำอยู่กับที่ บนทางเดินไปสู่สิ่งที่เราอยากเป็น
หากคุ้มกันที่จะแลก คือมันต้องคุ้มจริงๆ ก็แลกไปเถอะ
แต่จงระลึกไว้เสมอว่า เราจะไปสู่สิ่งที่เราอยากเป็น ช้าลง และเวลาไม่ได้มีมากอย่างที่เราคิด
หากคุณทำได้ แค่อย่างเดียว ก็ถือเป็นบันไดแห่งความสำเร็จ คุณได้ผ่านความสำเร็จไปอีกก้าวแล้ว
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนในการก้าวเดิน
เลิกคิดสักทีว่า ล้มเหลว แค่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่ มันก็เป็นความสำเร็จที่แสนสุดจะยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดๆ ในโลกหล้า แล มหาจักรวาล แล้ว
Komentáře