ทำไมเราต้องเปรียบเทียบกันด้วย?
มันน่าจะฝังอยู่ในสมองส่วนลึกของเรา ตั้งแต่เราที่ยังเคยเป็นสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่า
ต้องเปรียบเทียบเพื่อความอยู่รอด
ต้องเปรียบเทียบระยะทางระหว่างเรากับสัตว์ผู้ล่าว่าอยู่ไกลกันแค่ไหนถึงจะปลอดภัย ต้องเปรีบเทียบความเร็วว่าความเร็วเราเท่านี้ ความเร็วผู้ล่าเท่านั้น คงใกล้กันได้แค่นี้แหละ
อุปนิสัยนี้จึงฝังไว้ในสมอง ในจิต ในใจเรา จนกระทั่งเราได้วิวัฒน์เป็นมนุษย์ขึ้นมา
ถ้าการเปรียบเทียบเป็นไปเพื่อความอยู่รอดของชีวิต อันนี้เราไม่ควรละทิ้ง อันนี้มีประโยชน์ต่อการเอาชีวิตรอด
ก็ปล่อยสมองเค้าทำหน้าที่โดยอัตโนมัติไป
แต่ถ้าลองสำรวจตัวเรา ว่าสัญชาติญาณนี้ มีอิทธิพลเกินเลยต่อพฤติกรรม ต่อสภาวะทางใจ ใดๆของเราบ้าง
อยากจะชวนทุกท่านลองดูจิต สำรวจใจ ไปด้วยกัน............
ถ้าพร้อมแล้ว หยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิด Facebook ของท่านขึ้นมา
จากนั้นเริ่มไถลงมาเรื่อยๆ
ลองดูว่าพอเราเห็น post ตั้งแต่ post แรก เลื่อนลงมาเรื่อยๆ
แต่ละ post ทำให้เรามีความรู้สึก ความคิดอย่างไรบ้าง
แค่ซื้อกระเป๋า ใบแค่เนี้ยก็ต้องมาอวดกันด้วย ฉันมีตั้งหลายใบยังไม่ต้อง post อวดใครเลย
โห รถหรูมากเลย ถ้าเป็นรถเรา post ไป อายเค้าแย่เลย เก่ามากๆ
อิจฉาอ่ะ ได้ไปเที่ยวตลอดเลย ชีวิตดีอ่ะ ทำไมเราต้องมานั่งทำงานอยู่เนี่ย
แค่ลูกสอบได้แค่นี้ก็ต้องมา post ลูกชั้น สอบชิงทุนได้ยังไม่เห็นต้องบอกใครเล้ย
ดูสิลูกบ้านนี้เก่งจัง เรียนเก่ง กีฬาดี ดนตรีได้ ทำไม ลูกเราทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
หลังจากไถดูข้อความคนอื่นๆ แล้ว อยากให้ลองกลับไปดู post ต่างๆ ของเราเอง ที่เคยแชร์ไว้ใน timeline
แล้วลองนึกย้อนไปนึกถึง ขณะพี่เรา post สิ่งๆนั้นลงไป ว่าเรามีความคิด ความรู้สึก เช่นไร
เป็นไงบ้าง เห็นอะไรกันบ้าง
โลกโซเชี่ยลเป็นเครื่องกระตุ้นต่อมเปรียบเทียบได้อย่างดีเลยใช่มั้ย
เราเจอกับสิ่งๆนี้ ทุกวัน ทุกวัน วันละหลายๆรอบ
ก็ไม่แปลกที่ เค้าจะฝังรากลึกในจิต ในใจของเรา
บ่อยครั้งที่เราถูกพร่ำบอกว่า
ถ้ารู้สึกแย่ ให้มองคนที่เค้าแย่กว่าเรา
ถ้าอยากพัฒนาตัวเองให้มองคนที่เค้าดีกว่าเรา
การมองคนที่แย่กว่าเรา ง่ายมากที่เราจะเผลอหลงตัวเอง
การมองว่าเราแย่กว่าเขา ง่ายมากที่เราจะเผลออิจฉา หรือพาลจิตตกเอาดื้อๆ
เราได้ส่งต่อ หรือบ่มเพาะ สิ่งนี้ไปกับคนรอบข้างเราบ้างมั้ย
กับสามี หรือ ภรรยา
ดูบ้านนั้นสิ พ่อบ้านเค้าทำงานมีตำแหน่งใหญ่โต นี่คุณทำไมไม่หางานดีๆ อย่างเค้าบ้าง
ดูบ้านนั้นสิ แม่บ้านเค้าทำขนมเก่งมาก นี่คุณทำไมไม่หาอะไรทำซะบ้างนะ
กับลูก
นี่เมื่อไหร่จะสอบได้เกรดสี่ เหมือนลูกคุณน้าบ้านโน้นเค้าบ้าง ฉันจะได้ไปคุยกับคนอื่นเค้า
อยากชวนมองดูตัวเราอีกรอบ และถามตัวเองว่า...... เหนื่อยมั้ย?
ใครจะตอบว่าไม่เหนื่อยก็ไม่เป็นไรนะ
แต่สำหรับคนที่เหนื่อย อยากชวนมาดูวิธีจัดการกับเจ้าตัว "เปรียบเทียบ" นี้กัน
อย่างแรก ให้เรา "ยอมรับ"
ยอมรับความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ยอมรับว่าเราอิจฉาเค้า
ยอมรับว่าเราดูถูกเค้า
ต่อไปอยากให้เราลอง "เปลี่ยน"
เปลี่ยงจาก คำลบ ให้เป็น คำบวก ดู เช่น
เปลี่ยนจากคำว่า อิจฉา เป็นคำว่า ยินดี
เปลี่ยนจาก การดูถูก เป็นการ เห็นใจ
จากนั้น ลองมองสิ่งต่างๆ "ตามจริง" ดู
ว่าจริงๆแล้ว การที่เราเห็นว่าคนอื่น ว่าเป็นอย่างไร
ความรู้สึก ความคิด ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะ สิ่งนั้น จริงๆหรือ
การเห็นคนที่มีกิน ทำให้เราหิวมากขึ้น จริงๆหรือ
เป็นเพราะเค้า..... หรือเป็นเพราะ.....เรา
การเห็นเพื่อน ได้ตำแหน่งสูงขึ้น ได้เงินเดือนมากขึ้น
ทำให้เรารู้สึกแย่ลง
ถามว่าจริงๆ การได้ตำแหน่งของเพื่อน ทำให้เรา แย่ลง จริงๆหรือ
และที่สำคัญคือ เราแย่ลง จริงๆหรือ
การเห็นเพื่อน โดนเจ้านายตำหนิ
ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
ถามจริงๆว่า การโดนตำหนิของเพื่อน ทำให้เรา ดีขึ้น จริงๆหรือ
และที่สำคัญคือ เราดีขึ้น จริงๆหรือ
อยากให้เราลอง "ยอมรับ" อีกครั้งนึง
ยอมรับว่าในโลกนี้ทุกสิ่งล้วนมีความแตกต่างกัน
ยอมรับว่าไม่มีใครเหมือนใครได้
สุดท้าย "ยอมรับ" ว่าสิ่งที่เหมือนกันคือ
เราทุกคนล้วนมีชีวิตอย่างจำกัด เรามิได้เป็นอมตะ
จริงๆ แล้ว เราทุกคน ล้วน "เท่ากัน" เราเป็นแค่จุดๆหนึ่งของห้วงเวลา เท่านั้นเอง
Comments